วางแผนการลงทุน

INVESTMENT PLANNING

บริการให้คำปรึกษาวางแผนการลงทุน

ทำไมต้องลงทุน และความสำคัญของการลงทุนในการวางแผนการเงิน

การลงทุนเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญที่สุดของการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความท้าทายทางการเงินมากมาย การลงทุนไม่เพียงแต่เป็นทางเลือก แต่ยังเป็นความจำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

ทำไมต้องลงทุน?
1. เอาชนะเงินเฟ้อ: เงินเฟ้อทำให้อำนาจซื้อของเงินลดลงเมื่อเวลาผ่านไป การลงทุนช่วยให้เงินของคุณเติบโตเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อ ทำให้คุณรักษาและเพิ่มอำนาจซื้อได้
2. สร้างความมั่งคั่งในระยะยาว: การลงทุนอย่างสม่ำเสมอและชาญฉลาดสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น
3. สร้างรายได้เสริม: การลงทุนบางประเภท เช่น หุ้นที่จ่ายเงินปันผล หรือพันธบัตร สามารถสร้างกระแสรายได้เสริมให้กับคุณได้
4. ใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น: การลงทุนระยะยาวได้รับประโยชน์จากพลังของดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งช่วยเร่งการเติบโตของเงินลงทุนของคุณ
5. กระจายความเสี่ยง: การลงทุนที่หลากหลายช่วยกระจายความเสี่ยงและลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น

ความสำคัญของการลงทุนในการวางแผนการเงิน:
1. บรรลุเป้าหมายทางการเงิน: การลงทุนช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินต่างๆ เช่น การซื้อบ้าน การศึกษาของบุตร หรือการเกษียณอายุ ได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. สร้างความมั่นคงทางการเงิน: การมีพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินและความอุ่นใจในอนาคต
3. เตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉิน: การลงทุนช่วยสร้างกองทุนฉุกเฉินที่มีสภาพคล่องและพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น
4. วางแผนภาษี: การลงทุนบางประเภท เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ช่วยในการวางแผนภาษีและลดหย่อนภาษีได้
5. สร้างอิสรภาพทางการเงิน: การลงทุนอย่างชาญฉลาดและมีวินัยสามารถนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินในระยะยาว ทำให้คุณมีทางเลือกมากขึ้นในชีวิต
6. รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ: การลงทุนที่หลากหลายช่วยให้คุณปรับตัวได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
7. สร้างมรดกให้รุ่นต่อไป: การลงทุนระยะยาวสามารถสร้างความมั่งคั่งที่สามารถส่งต่อไปยังรุ่นต่อไปได้
การลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินที่ไม่ควรมองข้าม แม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่ด้วยความรู้ การวางแผนที่ดี และวินัยในการลงทุน คุณสามารถใช้การลงทุนเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนเริ่มลงทุน และอาจพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์และเป้าหมายของคุณ

บริการ "วางแผนการลงทุน" ของเราสามารถช่วยคุณได้อย่างไร
บริการ “วางแผนการลงทุน” ของเราช่วยวิเคราะห์สถานะการเงินปัจจุบันของคุณ กำหนดเป้าหมายทางการเงิน และสร้างแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ เราให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดสรรสินทรัพย์ที่หลากหลาย รวมถึงการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายที่คุณวางไว้
นอกจากนี้ เรายังพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่ตอบโจทย์ตามภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม เช่น กองทุนรวม ประกันชีวิตควบการลงทุน และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึงช่วยให้ความรู้ในด้านการลงทุน ภาษี และการวางแผนเกษียณเพื่อให้คุณเข้าใจภาพรวมและเห็นถึงศักยภาพในอนาคตของการลงทุน
ทีมงานของเราประกอบด้วยผู้วางแผนการลงทุน และผู้แนะนำการลงทุนที่มีประสบการณ์ เราคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงในตลาดและปรับแผนการลงทุนของคุณเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนของคุณยังคงสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตและการเงิน นอกจากการวางแผนเกษียณแล้ว เรายังช่วยวางแผนการส่งต่อมรดกอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถสร้างความมั่นคงและความสำเร็จทางการเงินให้กับคนรุ่นต่อไป
การวางแผนการลงทุนเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งและเพิ่มพูนทรัพย์สินของคุณ ทีมงานที่ JWN Wealth Advisors พร้อมที่จะให้คำปรึกษาด้านการลงทุนที่ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง
การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน (Asset Allocation)

การจัดสรรสินทรัพย์หมายถึงการแบ่งการลงทุนของคุณออกเป็นประเภทสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น พันธบัตร และเงินสด โดยที่การตัดสินใจในเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของแต่ละคน การจัดสรรที่เหมาะสมจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิต ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการลงทุนที่คุณมีและความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการจัดสรรสินทรัพย์:

– **ระยะเวลาในการลงทุน:** ระยะเวลาในการลงทุน คือช่วงเวลาที่คุณตั้งใจจะลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงิน นักลงทุนที่มีระยะเวลายาวนานอาจรับความเสี่ยงได้มากกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีระยะเวลาสั้นอาจเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยลง
– **ความสามารถในการรับความเสี่ยง:** หมายถึงความสามารถและความเต็มใจของคุณที่จะรับความเสี่ยงในระดับที่อาจสูญเสียเงินลงทุนบางส่วน เพื่อแลกกับโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

การกระจายความเสี่ยง (Diversification)

การกระจายความเสี่ยงเป็นการกระจายการลงทุนของคุณออกไปในหลายสินทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยง การกระจายความเสี่ยงสามารถอธิบายได้ง่ายๆ ว่า “อย่าเอาไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” เช่น หากสินทรัพย์ประเภทหนึ่งทำผลงานไม่ดี สินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งอาจทำผลงานได้ดีขึ้น

วิธีการกระจายความเสี่ยงที่ดีคือการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร และเงินสด รวมถึงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยี และสินค้าอุปโภคบริโภค การถือครองการลงทุนในหลายภาคส่วนจะช่วยลดความเสี่ยงหากภาคใดภาคหนึ่งทำผลงานได้ไม่ดี

บางคนอาจเลือกใช้กองทุนรวมเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง กองทุนรวมคือเครื่องมือที่รวบรวมเงินจากนักลงทุนหลายคนและนำไปลงทุนในหุ้นและพันธบัตรหลายๆ แห่ง ซึ่งช่วยให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น แต่หากกองทุนรวมมุ่งเน้นเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมใดภาคหนึ่ง คุณอาจต้องลงทุนในหลายกองทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

การปรับสมดุล (Rebalancing)

การปรับสมดุลหมายถึงการนำพอร์ตการลงทุนกลับสู่การจัดสรรสินทรัพย์เดิม เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไป การลงทุนบางประเภทอาจเติบโตเร็วกว่าประเภทอื่น ซึ่งอาจทำให้พอร์ตโฟลิโอของคุณไม่สมดุล การปรับสมดุลจะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงโดยการขายสินทรัพย์ที่มีน้ำหนักมากเกินไปและซื้อสินทรัพย์ที่มีน้ำหนักน้อยเกินไป

มีหลายวิธีในการปรับสมดุล เช่น การขายสินทรัพย์ที่เติบโตเกินสัดส่วนแล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ขาดสมดุล หรือการเปลี่ยนแปลงการสมทบใหม่โดยลงทุนในสินทรัพย์ที่มีน้ำหนักน้อย

นักลงทุนบางคนแนะนำให้ปรับสมดุลเป็นประจำทุก 6 หรือ 12 เดือน หรือเมื่อสินทรัพย์หนึ่งเติบโตหรือถดถอยเกินกว่าระดับที่กำหนด การปรับสมดุลอาจฟังดูขัดแย้ง เช่น การขายสินทรัพย์ที่ทำผลงานดีเพื่อซื้อสินทรัพย์ที่ผลงานไม่ดี แต่ในระยะยาว วิธีนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนได้

Asset Allocation เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยจัดการความเสี่ยงในการลงทุน และช่วยให้พอร์ตโฟลิโอมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนรายเล็กหรือใหญ่ Asset Allocation ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การลงทุนของคุณประสบความสำเร็จได้

SSF, RMF, LTF, TESG ตัวช่วยวางแผนการเงิน
กองทุน SSF, RMF, LTF, และ TESG เป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญซึ่งช่วยให้คุณวางแผนการเงินและการลงทุนระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละกองทุนมีวัตถุประสงค์และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่แตกต่างกัน

1. กองทุน SSF (Super Savings Fund)
SSF เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการออมในระยะยาวและใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการลดหย่อนรายได้ประจำปี ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย ทั้งหุ้น พันธบัตร หรือตราสารหนี้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ คุณสามารถลดหย่อนภาษีจากการลงทุนใน SSF ได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้พึงประเมินต่อปี (ไม่เกิน 200,000 บาท) โดยต้องถือครองกองทุนอย่างน้อย 10 ปี

    • วางแผนเป้าหมายระยะยาว: SSF ช่วยให้คุณสร้างเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญ เช่น เก็บเงินเพื่อการศึกษา หรือการซื้อบ้านในอนาคต
    • รักษาสภาพคล่องบางส่วน: ถึงแม้ SSF ต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปี แต่เนื่องจากการลงทุนเป็นแบบอิสระ คุณสามารถเลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อรักษาความยืดหยุ่นในพอร์ตการลงทุน

2. กองทุน RMF (Retirement Mutual Fund)
RMF เน้นการออมเพื่อเกษียณอายุเป็นหลัก ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สูงขึ้น และเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงในยามเกษียณ โดยผู้ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ต่อปี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท การลงทุนใน RMF ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน) และต้องถือครองจนถึงอายุ 55 ปี

    • หมาะสำหรับการวางแผนเกษียณแบบยืดหยุ่น: คุณสามารถเลือกสินทรัพย์ในการลงทุนที่หลากหลายตามช่วงเวลาของชีวิต เช่น ลงทุนในหุ้นในช่วงวัยทำงานและเปลี่ยนมาถือพันธบัตรหรือตราสารหนี้เมื่อใกล้เกษียณ
    • ส่งเสริมการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ: กองทุนนี้ส่งเสริมให้คุณมีวินัยในการลงทุนต่อเนื่องทุกปี ซึ่งทำให้คุณสร้างพอร์ตการลงทุนที่เติบโตอย่างมั่นคง</>

3. กองทุน LTF (Long-Term Equity Fund)
แม้ว่ากองทุน LTF จะไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ยังถือครอง LTF กองทุนนี้ยังคงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นระยะยาว ซึ่งหากไม่ติดเงื่อนไขด้านระยะเวลาการลงทุนแล้วควรพิจารณาปรับเปลี่ยนออกเพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนอื่นๆที่เหมาะสมต่อไป

    • สร้างผลตอบแทนระยะยาว: LTF เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตลาดขาขึ้น
    • การกระจายความเสี่ยงในพอร์ต: แม้ว่าจะไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่ แต่ LTF ยังคงเป็นกองทุนที่ดีสำหรับการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนหุ้น

4. กองทุน TESG (Thai Equity Super Growth Fund)
TESG เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นแนวทางการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสามารถซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองกองทุนอย่างน้อย 5 ปี

    • เน้นความยั่งยืน: การลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ช่วยให้พอร์ตการลงทุนของคุณมีโอกาสเติบโตในระยะยาว พร้อมลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคม
    • สร้างผลตอบแทนพร้อมส่งเสริมสังคม: กองทุนนี้ไม่เพียงแค่ให้ผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

การใช้กองทุนลดหย่อนภาษีในการวางแผนการเงินระยะยาว
เพื่อการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ คุณสามารถผสมผสานการลงทุนในกองทุนต่างๆ ตามเป้าหมายและระยะเวลาในการลงทุน เช่น:
SSF สำหรับเป้าหมายระยะกลางถึงระยะยาว โดยเน้นความยืดหยุ่นและความสามารถในการเลือกสินทรัพย์
RMF สำหรับเป้าหมายเกษียณอายุ ซึ่งต้องการความมั่นคงในระยะยาวและสิทธิประโยชน์ทางภาษี
TESG เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางการเงินพร้อมทั้งส่งเสริมบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดี

ทั้งนี้ต้องควรพิจารณาวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายด้วย

  • กระจายความเสี่ยง: ลงทุนในกองทุนหลากหลายประเภทเพื่อกระจายความเสี่ยง
    จัดสรรการลงทุนตามอายุ: ปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงอายุและระยะเวลาก่อนเกษียณ
  • ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ: ใช้วิธีการลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
    ใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี: วางแผนการลงทุนให้ได้รับประโยชน์ทางภาษีสูงสุด
    ทบทวนและปรับแผนการลงทุน: ตรวจสอบและปรับแผนการลงทุนเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
    การลงทุนในกองทุนเหล่านี้ยังช่วยกระจายความเสี่ยง โดยการเลือกสินทรัพย์ที่หลากหลายและปรับสมดุลตามสถานการณ์ของตลาดและการเงินของคุณ
    คุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การจัดการสินทรัพย์ของคุณได้ผ่านพันธมิตรของ JWN Wealth Advisors เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ดีที่สุดและตรงตามความต้องการของคุณ ทีมงานของเราพร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนคุณในการเลือกกองทุนที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นไปตามเป้าหมายทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน